สิ่งที่เจ้าของกิจการควรตรวจสอบก่อนเซ็นสัญญาร่วมหุ้น

การร่วมลงทุนหรือร่วมหุ้นถือเป็นก้าวสำคัญของธุรกิจ เพราะเป็นการนำเงินทุนและความเชี่ยวชาญของหลายฝ่ายมาบริหารร่วมกัน การไม่ตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนเซ็นสัญญาอาจสร้างปัญหาในอนาคต เช่น ขัดแย้งเรื่องกำไร ความรับผิดชอบ หรือการบริหารงาน


ตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้นและประวัติธุรกิจ

  • ประวัติผู้ถือหุ้น ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือและประวัติทางธุรกิจ เพื่อหลีกเลี่ยงการร่วมลงทุนกับผู้ที่มีปัญหาทางการเงินหรือประวัติไม่ดี
  • สถานะทางกฎหมายของธุรกิจ ตรวจสอบว่านิติบุคคลจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ ผ่านระบบออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ตรวจสอบเนื้อหาสัญญาร่วมหุ้น

  • สัดส่วนหุ้นและการลงทุน ต้องชัดเจนว่าแต่ละฝ่ายถือหุ้นเท่าไร และต้องลงทุนจำนวนเงินเท่าใด
  • สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้น เช่น สิทธิในการโหวต การเข้าร่วมประชุม และสิทธิในการรับผลกำไร
  • บทบาทและหน้าที่ในการบริหาร กำหนดให้ชัดว่าใครมีหน้าที่บริหารงานประจำหรือมีอำนาจตัดสินใจในเรื่องใด

ตรวจสอบข้อกำหนดเรื่องกำไรและขาดทุน

  • ควรกำหนดวิธีแบ่งผลกำไรและขาดทุนอย่างเป็นธรรม
  • ระบุเงื่อนไขการปรับสัดส่วนหุ้น หากมีการลงทุนเพิ่มเติมหรือเกิดการเปลี่ยนแปลง

ตรวจสอบเรื่องการถอนหุ้นหรือขายหุ้น

  • กำหนดเงื่อนไขการขายหุ้นหรือถอนตัวของผู้ถือหุ้น
  • ระบุสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมในการซื้อหุ้นก่อน (Right of First Refusal)
  • ป้องกันความขัดแย้งหรือปัญหาส่วนแบ่งในอนาคต

ตรวจสอบเรื่องข้อพิพาทและกฎหมาย

  • ระบุวิธีแก้ไขข้อพิพาท เช่น การไกล่เกลี่ยหรืออนุญาโตตุลาการ
  • ตรวจสอบให้สัญญาสอดคล้องกับกฎหมายไทย และบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย

การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

ก่อนเซ็นสัญญาร่วมหุ้น เจ้าของกิจการควรปรึกษาทนายความหรือนักบัญชีผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าเงื่อนไขทุกข้อเป็นธรรม ป้องกันความเสี่ยง และลดปัญหาขัดแย้งในอนาคต


การตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนเซ็นสัญญาร่วมหุ้นช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหุ้นส่วน ทำให้การลงทุนร่วมเป็นโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน